ประวัติความเป็นมา
สตาร์แมท จินตคณิต
สตาร์แมท จินตคณิต
เริ่มเปิดสอนครั้งแรก ในปี พ.ศ. 2553 จากอาคารพาณิชย์ 1 คูหา ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีจากเด็กๆและผู้ปกครอง ด้วยหลักสูตรจินตคณิตของสตาร์แมทที่มีความยืดหยุ่นเข้ากับผู้เรียน จึงทำให้เด็กๆเกิดความสนุกในการใช้นิ้วมือ ลูกคิด และจินตนาการในการคิดคำนวณ ทำให้มีเทคนิคคิดเลขได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ
ต่อมาสถาบันได้พัฒนาหลักสูตร เพื่อให้มีความสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลาง อันเป็นผลดีต่อผู้เรียนที่จะนำไปประยุกต์ใช้ในห้องเรียนได้มากขึ้นโดยได้เพิ่มในเรื่องของการคิดวิเคราะห์ การแก้โจทย์ปัญหา และเชาวน์คณิตสอดแทรกเข้าไปในแบบฝึกหัดทำให้น้องๆสนุกกับการเรียนมากขึ้น สามารถนำไปปรับใช้ในห้องเรียนและในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย
ปัจจุบัน…
ได้เพิ่มหลักสูตร จูเนียร์ แมท เพื่อรองรับน้องๆอายุ 3 ปีขึ้นไปโดยเน้นปูพื้นฐานความเข้าใจในตัวเลขระดับเริ่มต้น ไปจนถึงทักษะการคำนวณ โดยเนื้อหาจะเรียงลำดับจากง่ายไปยาก รูปเล่มมีสีสัน สวยงาม เรียนรู้ผ่านสื่อ และเกมคณิตกระตุ้นให้เด็กๆ อยากทำแบบฝึกหัดมากยิ่งขึ้น
นอกจากคณิตศาสตร์แล้ว ยังมีหลักสูตรภาษาไทย ที่เน้นสอนการสะกดคำให้น้องๆอ่านออกเขียนได้ในระยะเวลารวดเร็วจากหลักสูตรการเรียนการสอนเฉพาะของ สตาร์แมท เป็นการเรียนภาษาไทยแบบเริ่มต้นปูพื้นฐาน ไปจนถึงหลักภาษาไทยระดับชั้นประถมศึกษา มีความสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางกระทรวงศึกษาธิการ
ปัจจุบันมี 3 สาขา คือ สาขาลพบุรี สาขาสระบุรี สาขากระบี่ โดยมีเป้าหมายขยายสาขาให้ได้ 10 สาขา ภายในปี พ.ศ. 2565
ทำไมต้องจินตคณิต…
จินตคณิตเป็นวิชาที่ใช้ฝึกสมองฝั่งซ้ายและฝั่งขวาให้มีการทำงานอย่างสมดุล (brain balancing) เหมาะสำหรับเด็กที่มีอายุระหว่าง 4-12 ปี การฝึกจินตคณิตจะทำให้เด็กมีสมาธิและกระบวนการคิดที่มีเหตุผล
การคิดแบบจินตคณิต
การคิดแบบจินตคณิตนั้นแตกต่างจากการคิดปกติ เพราะการคิดแบบจินตคณิตจะมีการใช้สมองทั้งสองส่วนเช่น เมื่อเด็กนึกถึงค่า 1 โดยหลักของจินตคณิตแล้วเด็กจะเข้าใจว่ามันคือวัตถุหรือสิ่งของชิ้นเดียวแต่ถูกนำมาเขียนแทนเป็นเลข 1
ปัจจุบันเราใช้สมองฝั่งซ้ายมากจนเกินไปด้วยอัตราส่วน 70:30 ของการใช้สมองซีกขวา ซึ่งทำให้เราสูญเสียพลังงานในการคิดคำนวณมหาศาล น้องๆ อาจเคยรู้สึกเหนื่อยเมื่อกลับมาจากโรงเรียน ทั้งๆที่ไม่ได้ทำงานหนัก วิธีลดความเหนื่อยล้าของสมองทำได้ง่ายๆ คือ การนอนหลับ เพราะเป็นการลดระดับการทำงานของสมองทั้งสองฝั่งลงและช่วยปรับสมองสองฝั่งให้มีการทำงานใกล้เคียงกัน นอกจากนี้การนั่งสมาธิก็สามารถช่วยได้เช่นกัน
การฝึกจินตคณิตช่วยพัฒนาประสาทสัมผัส
การฝึกจินตคณิตนอกจากพัฒนาเรื่องการคิดแล้วยังพัฒนาทักษะด้าน อื่น ๆ ด้วย เช่น เมื่อเด็กฟังโจทย์จากคุณครู สมองจะทำการแปลความหมายออกมาและทำกระบวนการหาคำตอบโดยใช้มือปัดลูกคิดหรือคำนวณจากนิ้วมือ (ฝึกประสาทสัมผัสมือ) กระบวนการจะเกิดขึ้นตามลำดับดังนี้ ฟัง-คิด-ปฏิบัติ ด้วยวิธีการนี้ การฝึกจินตคณิต จึงเชื่อมโยงกับ ประสาทสัมผัส ทั้งสามแบบ
